TNR มั่นใจยอดขายรวมทั้งปีเติบโตดีกว่าปีก่อนทยอยส่งมอบออเดอร์งานประมูลจาก USAID

BackOct 31, 2017

บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและรายใหญ่ของโลกรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCHTM มั่นใจยอดขายรวมปีนี้เติบโตดีกว่าปีก่อน หลังไตรมาส 3/60 ส่งมอบออเดอร์งานประมูลให้แก่องค์กร USAID พร้อมเตรียมปรับกลยุทธ์สินค้าแบรนด์ ONETOUCH™ มุ่งสู่เป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยแตะ 35% ภายในปี 2563

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยและรายใหญ่ของโลกรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCHTM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินภาพรวมยอดขายในปีนี้จะยังเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ได้มีการส่งมอบถุงยางอนามัยจากงานประมูลในจำนวนที่มากกว่าครึ่งปีแรกให้แก่องค์กร USAID ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมยอดขายของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 คาดว่ายอดขายจะทรงตัวหรือใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี มีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยเกือบเต็ม 100% ของกำลังการผลิตจริง ซึ่งมาจากการผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบออเดอร์ที่ได้จากงานประมูลให้แก่ USAID

“แม้เราต้องประสบกับภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ แต่เชื่อว่าจะสามารถผลักดันยอดขายรวมในปีนี้ให้เติบโตกว่าปีก่อน โดยเราพยายามรุกขยายตลาดในทุกช่องทาง ทั้งธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ธุรกิจงานประมูล และธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้แบรนด์ ONETOUCHTM พร้อมทั้งมองโอกาสในการขยายตลาดใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน TNR ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำและความพร้อมในเรื่องเงินทุน” นายอมร กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR คาดว่าเราจะได้สัญญางานประมูลล๊อตใหม่จากงานผลิตถุงยางอนามัยจากองค์กรระหว่างประเทศโดยมีสัญญาระยะยาว ประมาณ 2-4 ปี โดยเริ่มในปี 2561ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านสะดวกซื้อชั้นนำรายหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีการสั่งผลิตถุงยางอนามัยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ส่วนแผนทำตลาดถุงยางอนามัยภายใต้แบรนด์ ONETOUCHTM นั้น บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35% ภายในปี 2563 จากสิ้นปี 2559 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 20% โดยอยู่ระหว่างการวางแผนเตรียม Repositioning Brand พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุกเพื่อเพิ่มยอดขายและผลักดันแบรนด์ ONETOUCHTM เป็นผู้นำตลาดถุงยางอนามัยในประเทศไทย